วันที่ 19 ส.ค. 68 พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงการลงพื้นที่ของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ที่บริเวณช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี และเกิดเหตุการณ์ที่ทหารกัมพูชานายหนึ่ง เข้ามาขัดขวางการลงพื้นที่ โดยอ้างว่า ทางการไทยไม่ยอมแจ้งรายละเอียด รวมทั้งนำคณะมาจำนวนมากกว่าที่แจ้งไว้ โดยระบุว่า ไม่มีอะไร เป็นลีลาของทางกัมพูชา พร้อมยืนยันว่า พื้นที่บริเวณนั้น อยู่ในอธิปไตยของไทย และสามารถนำคณะเดินทางเข้าไปได้
แม่ทัพภาคที่ 2 ได้กล่าวว่า คราวก่อนที่ทางกัมพูชานำคณะลงพื้นที่สังเกตการณ์ในลักษณะเดียวกัน ก็ไม่ได้ขอแจ้งอนุญาตทางการไทย เชื่อว่าเป็นผลดี ให้คนทั้งโลกได้เห็น
อย่างไรก็ตาม คณะสังเกตการณ์ชั่วคราวที่ลงพื้นที่ มีความเป็นกลาง ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ และถือเป็นเรื่องที่ดีที่ทางประเทศไทยได้นำคณะดังกล่าวลงพื้นที่ในวันนี้ เชื่อว่าข้อมูลทั้งหมดจากการลงพื้นที่ จะถูกนำเสนอต่อนานาชาติ ซึ่งจะเป็นข้อมูลที่มีน้ำหนัก และน่าเชื่อถือ เช่นเดียวกับการที่กระทรวงการต่างประเทศได้นำคณะทูตลงพื้นที่สำรวจผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการโจมตีของกัมพูชาอย่างไม่เลือกเป้าต่อพื้นที่พลเรือนเช่นที่เกิดขึ้นบริเวณสถานีบริการน้ำมัน ปตท. บ้านผือ จังหวัดศรีสะเกษ
VDO
ภูมิธรรม เซ็นยกเว้นกรณีพิเศษฯ ให้แรงงานกัมพูชาทำงานต่อได้อีก 6 เดือน
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การยกเว้นข้อห้ามมิให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงานในราชอาณาจักร ตามมาตรา ๖๔ แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวพ.ศ. ๒๕๖๐ ด้วยเหตุผลทางมนุษธรรมตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๘
โดยที่ประเทศไทยและประเทศต้นทางของคนต่างด้าวซึ่งมีสัญชาติกัมพูชาได้ยกระดับมาตรการควบคุมการผ่านแดนในทุกจุดผ่านแดนทุกประเภทตลอดแนวชายแดนไทย – กัมพูชา เป็นเหตุให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงานในราชอาณาจักรในลักษณะไป – กลับ หรือตามฤดูกาลบริเวณชายแดนตามมาตรา ๖๔ แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่ครบวาระการจ้างงานหรือการอนุญาตให้พำนักในเขตพื้นที่ชายแดนที่ได้รับอนุญาตสิ้นสุดแต่ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศต้นทางได้ สมควรให้คนต่างด้าวดังกล่าวอยู่ในราชอาณาจักรและทำงานต่อไปได้ด้วยเหตุผลทางมนุษยธรรม
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๘๗/๒๕๕๗ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติม ผู้รักษาการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจ ลงวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ และมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๘
ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ คนต่างด้าวซึ่งได้รับการยกเว้นให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อการทำงาน ตามประกาศนี้ หมายถึง คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ซึ่งถือบัตรผ่านแดน ตามมาตรา ๑๓ (๒) แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ทั้งที่ยังไม่หมดอายุหรือหมดอายุแล้วที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามมาตรา ๖๔ แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และการอนุญาตให้พำนักในเขตพื้นที่ชายแดนที่ได้รับอนุญาตสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๘ แต่ไม่สามารถเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเพื่อเดินทางกลับเข้ามาใหม่ได้
ข้อ ๒ ให้คนต่างด้าวตามข้อ ๑ อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อการทำงานต่อไปได้อีก เป็นระยะเวลาหกเดือนนับแต่วันที่ประกาศนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือจนกว่ามาตรการควบคุมการผ่านแดนระหว่างประเทศไทยและกัมพูชากลับสู่ภาวะปกติ ตามแต่กรณีใดจะเกิดขึ้นก่อนให้คนต่างด้าวซึ่งอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษตามวรรคหนึ่ง รายงานตัวต่อเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองครั้งแรกภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ประกาศนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา จากนั้นให้รายงานตัวทุกสามสิบวันนับแต่วันสุดท้ายของระยะเวลาที่กำหนดให้รายงานตัวครั้งก่อน โดยอาจรายงานตัวล่วงหน้าก่อนครบกำหนดสามสิบวันได้ไม่เกินเจ็ดวัน หลักเกณฑ์และวิธีการรายงานตัวให้เป็นไปตามที่ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกำหนด
ข้อ ๓ มิให้นำมาตรา ๑๒ (๑๐) และมาตรา ๕๔ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ และคำสั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ ๑/๒๕๕๘ เรื่อง การไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกเข้ามาในราชอาณาจักร ลงวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๘ มาใช้บังคับแก่คนต่างด้าวตามประกาศนี้
ข้อ ๔ เมื่อสิ้นสุดการอนุญาตหรือการอนุญาตเป็นอันสิ้นผลตามข้อ ๒ วรรคหนึ่ง ให้คนต่างด้าวดังกล่าวอยู่ในราชอาณาจักรได้อีกเจ็ดวันเพื่อเตรียมการเดินทางออกนอกราชอาณาจักร
ข้อ ๕ การยกเว้นให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อการทำงานตามประกาศนี้เป็นอันสิ้นผลก่อนครบระยะเวลาตามข้อ ๒ เมื่อเกิดกรณีอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(๑) คนต่างด้าวต้องโทษตามคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่ความผิดซึ่งได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
(๒) มาตรการควบคุมการผ่านแดนระหว่างประเทศไทยและกัมพูชากลับสู่ภาวะปกติ
(๓) คนต่างด้าวไม่ดำเนินการตามประกาศนี้
(๔) คนต่างด้าวเดินทางออกนอกเขตพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต
(๕) การอนุญาตให้ทำงานสิ้นสุดลงตามประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามมาตรา ๖๔ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๘
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๘
ภูมิธรรม เวชยชัย
รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย